วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

ไมเคิ่ล โอเว่น


ไมเคิ่ล โอเว่น ศุนย์หน้าตีนจรวด

ไมเคิ่ล โอเว่น มีชื่อเต็มว่า ไมเคิ่ล เจมส์ โอเว่น เกิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปี 1979 ที่เมืองเชสเตอร์ เชสเชียร์ เป็นบุตรชายของ เทอร์รี่ โอเว่น อดีตนักฟุตบอลของเอฟเวอร์ตัน และในวัยเด็กโอเว่น ก็เป็นแฟนบอลของเอฟเวอร์ตัน โดยมี แกรี่ ลินิเกอร์ เป็นนักเตะในดวงใจ แต่สุดท้ายเขากลับมาสร้างชื่อในวงการลูกหนังด้วยการเป็นนักเตะขวัญใจของแฟนบอลลิเวอร์พูล ทีมคู่ปรับร่วมตัวฉกาจของเอฟเวอร์ตัน ไปในที่สุด
โอเว่น เริ่มเส้นทางสายลูกหนังตามความประสงค์ของผู้เป็นพ่อ ที่นำตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนรายนี้ ไปฝากฝังไว้กับผู้จัดการทีมระดับเยาวชนที่ชื่อ “โมล์ด อเล็กซานดร้า” ในตอนที่เจ้าหนูโอเว่น มีวัย 10 ขวบ
แม้ว่าจะมีรูปร่างเล็กกว่าเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน แต่ โอเว่น ก็มีพรสวรรค์ที่เด็กคนอื่นๆไม่มีกัน จนทำให้เขาเป็นนักเตะดาวเด่นของทีม โดยนอกจากจะเล่นให้กับ “โมล์ด อเล็กซานด้า” แล้ว โอเว่น ยังเป็นตัวโรงเรียน ลงเล่นให้กับทีมโรงเรียนประถมของเขา ในฮาวาร์เด้น ประเทศเวลส์ และยิงประตูได้แบบระเบิดเถิดเทิง
หลังจากนั้น โอเว่น ย้ายมาเรียนระดับมัธยมที่ ฮาวาร์เด้น ไฮสคูล และก็ยังลงเล่นให้กับทีมโรงเรียนเช่นเดิม ขณะที่บรรดาสโมสรดังๆของพรีเมียร์ลีก ที่ได้ยินกิตติศัพท์ความร้ายกาจในเชิงลูกหนังของเขา ก็พยายามมาชักชวน โอเว่น ไปร่วมทีมเยาวชนของตนเอง แต่ทางโรงเรียนของเขา ไม่อนุญาตให้นักเรียนที่อายุยังน้อยมากไป เซ็นสัญญากับทีมใด
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล หนึ่งในทีมดังที่ต้องการตัว โอเว่น ก็ยื่นมือเข้ามาชี้แนะให้ โอเว่น ไปฝึกฝนวิชาด้านฟุตบอลเพิ่มเติมที่โรงเรียนสอนฟุตบอลของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ที่ลีลล์แชลล์ เมืองสแตฟฟอร์ดเชียร์ ในตอนที่เขาอายุ 14 ปี ขณะที่ก็ยังเรียนวิชาสามัญทั่วไปที่ ฮาวาร์เด้น ไฮสคูล
หลังจากที่ประคบประหงม กล่อมเกลา โอเว่น มาจนถึงในวัย 16 ปี ที่สามารถเซ็นสัญญาเข้าทีมเยาวชนของสโมสรได้แล้ว และจบการฝึกจากโรงเรียนลูกหนังของเอฟเอ แล้ว ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็คว้าตัว โอเว่น ไปร่วมทีมได้สำเร็จ ตัดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ อาร์เซน่อล
ภายหลังจากที่ โอเว่น มาร่วมทีมเยาวชนของลิเวอร์พูล เขาก็ช่วยพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ในปี 1996 มาครองได้ และอีก 4 เดือนต่อมาเขาก็เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพของทีม “หงส์แดง” หลังจากที่อายุครบรอบ 17 ปี ไปได้ไม่นาน
โอเว่น ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรก ในนัดที่พบกับ วิมเบิลดัน ในเดือนพฤษภาคมปี 1997 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาจากม้านั่งสำรอง และก็ลงมาทำประตูได้ตั้งแต่นัดนั้น
จากการที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ดาวยิงอันดับหนึ่งของลิเวอร์พูล ในตอนนั้น ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ โอเว่น ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงให้กับลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 1997/1998 และเขาก็ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำจนทำให้บรรดา “เดอะ ค็อป” ลืม ฟาวเลอร์ ไปเลย โดยในฤดูกาลนั้น โอเว่น ทำได้ 18 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ร่วมกับ คริส ซัตตัน และ ดิออน ดับลิน และได้รับตำแหน่งนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษ
ในปี 2001 โอเว่น ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วยพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ คือ ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ โดยใน เอฟเอ คัพ โอเว่น ช่วยยิง 2 ประตูทำให้ “หงส์แดง” พลิกแซงกลับมาเอาชนะ อาร์เซน่อล ไปได้ และในตอนสิ้นปีเขายังได้รับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป หรือ บัลลงดอร์ มาครอง โดยเป็นนักเตะในสหราชอาณาจักรคนแรกในรอบ 20 ปี ที่คว้ารางวัลนี้มาครองได้
หลังจากอยู่รับใช้ ลิเวอร์พูล มานาน โอเว่น ก็อยากไปแสวงหาความท้าทายใหม่ๆให้กับอาชีพค้าแข้ง เนื่องจากที่ ลิเวอร์พูล เขายังไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยเหตุนี้ ลิเวอร์พูล จึงขายเขาไปให้กับ รีล มาดริด ทีมมหาอำนาจของสเปน ในวันที่ 13 สิงหาคม ปี 2004 ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ และ รีล มาดริด ต้องแถม อันโตนิโอ นูนเยซ มาให้ ลิเวอร์

เกียรติประวัติที่เคยได้รับ
ระดับสโมสร
ลิเวอร์พูล แชมป์ 1995–96 เอฟเอ ยูธ คัพ2000–01 ลีก คัพ 2000–01 เอฟเอ คัพ 2000–01 ยูฟ่า คัพ 2001–02 ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 2001–02 แชริตี้ ชีลด์ 2002–03 ลีก คัพรองแชมป์2001–02 พรีเมียร์ลีก 2002–03 แชริตี้ ชีลด์
ระดับส่วนตัว1998 นักเตะดาวรุ่ง พีเอฟเอ 1998 ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก, 18 ลูก 1998 รางวัลชีวิตส่วนตัวดีเด่น จากบีบีซี สปอร์ต 1998 นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 1999 ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก, 18 ลูก 2001 ผู้เล่นยอดเยี่ยมระดับโลกแห่งปี 2001 บัลลงดอร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น